Episodios

  • [รีวิว] Bulletproof Problem Solving (Charles Conn, Robert McLean) สรุปหนังสือ
    Jul 5 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Bulletproof Problem Solving เขียนโดย Charles Conn, Robert McLean - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BulletproofProblemSolving - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BulletproofProblemSolving - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B07PFRCCY4?tag=9natree-20 #BulletproofProblemSolving #รีวิวBulletproofProblemSolving #สรุปBulletproofProblemSolving #หนังสือBulletproofProblemSolving 1. "Bulletproof Problem Solving" คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญในศตวรรษที่ 21? "Bulletproof Problem Solving" คือกระบวนการที่ครอบคลุมและวนซ้ำได้ 7 ขั้นตอนสำหรับการตัดสินใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความท้าทายที่ซับซ้อนในชีวิตส่วนตัว การทำงาน และขอบเขตเชิงนโยบาย ในอดีต การแก้ปัญหาถูกมองว่าเป็นโดเมนของบางอาชีพ เช่น วิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และการให้คำปรึกษาด้านการจัดการ อย่างไรก็ตาม ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของศตวรรษที่ 21 ความสามารถในการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์จึงไม่ได้เป็นเพียงทักษะในโดเมนที่จำกัดอีกต่อไป แต่เป็นความคาดหวังของบุคคลและทีมงานในทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และภาครัฐ ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกจ้างงานโดยพิจารณาจากทักษะการวิเคราะห์และการคิดที่แสดงให้เห็น ประเมินจากการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ และได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากความสามารถในการระดมทีมที่คล่องตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หนังสือเล่มนี้เน้นย้ำว่าการแก้ปัญหาที่ดีเกิดขึ้นจากการฝึกฝน ไม่ใช่พรสวรรค์ โดยเน้นที่การตั้งคำถามที่ดี การสร้างสมมติฐานที่คมชัด การจัดโครงสร้างปัญหาอย่างมีเหตุผล การจัดลำดับความสำคัญอย่างเคร่งครัด การวิเคราะห์อย่างชาญฉลาด และการสังเคราะห์ผลลัพธ์เพื่อเล่าเรื่องราวที่กระตุ้นการกระทำ 2. วงจรการแก้ปัญหาแบบ "Bulletproof Problem Solving" ประกอบด้วยขั้นตอนอะไรบ้าง? วงจรการแก้ปัญหาแบบ "Bulletproof Problem Solving" ประกอบด้วย 7 ขั้นตอนที่สามารถดำเนินการซ้ำได้ภายในกรอบเวลาใดก็ได้ โดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน เมื่อถึงจุดสิ้นสุดเบื้องต้นแล้ว คุณสามารถทำซ้ำกระบวนการเพื่อดึงข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แม้จะไม่ได้ระบุทั้ง 7 ขั้นตอนโดยละเอียดในแหล่งข้อมูล แต่ก็มีการกล่าวถึงขั้นตอนหลักๆ ดังนี้: กำหนดปัญหา: ...
    Más Menos
    8 m
  • [รีวิว] Big Dumb Eyes (Nate Bargatze) สรุปหนังสือ
    Jun 5 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Big Dumb Eyes เขียนโดย Nate Bargatze - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BigDumbEyes - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BigDumbEyes - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/1538768461?tag=9natree-20 #BigDumbEyes #รีวิวBigDumbEyes #สรุปBigDumbEyes #หนังสือBigDumbEyes 1. "Big Dumb Eyes" หมายถึงอะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อผู้เขียน? คำว่า "Big Dumb Eyes" เป็นการเล่นคำที่ผู้เขียน, Nate Bargatze, ใช้เพื่ออธิบายความเข้าใจผิดที่ผู้คนมีเกี่ยวกับเขา ผู้คนมักจะพูดกับเขาช้าๆ และเว้นวรรคราวกับว่าเขาไม่เข้าใจง่ายๆ เนื่องจากสายตาของเขาที่ดู "ใหญ่และโง่" ในบทนำของหนังสือ เขายังเล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับผู้คนที่เข้าใจผิดว่า "Big Dumb Eyes" เป็น "Big Demise" ซึ่งเขาเน้นย้ำว่าไม่ใช่สิ่งที่หนังสือเล่มนี้สื่อถึง ชื่อนี้จึงสะท้อนถึงการรับรู้จากภายนอกเกี่ยวกับตัวเขาและอารมณ์ขันที่เกิดจากการเข้าใจผิดเหล่านี้2. หนังสือเล่มนี้มีโครงสร้างอย่างไร และผู้เขียนพยายามสร้างประสบการณ์การอ่านแบบใด? ผู้เขียนตั้งใจออกแบบหนังสือให้แตกต่างจากหนังสือทั่วไปที่เขาไม่ชอบอ่าน เขาระบุว่า "หนังสือทุกเล่มมีแต่คำพูดมากมาย" และ "ไม่เคยผ่อนคลาย" ในทางตรงกันข้าม หนังสือของเขาไม่มีลำดับที่แท้จริง ไม่มีเหตุผลเบื้องหลังมากนัก ผู้อ่านสามารถเปิดไปที่บทใดก็ได้โดยไม่ต้องมีข้อมูลพิเศษหรือความรู้ใดๆ เขาให้สัญญาว่าจะมีการ "หยุดพัก" และ "หน้าเปล่าๆ" เพื่อช่วยให้ผู้อ่าน "หายใจออก" และหลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์ยากๆ ซึ่งสะท้อนถึงสไตล์ตลกที่เรียบง่ายและเข้าถึงง่ายของเขา3. อะไรคือลักษณะสำคัญของเมืองบ้านเกิดของผู้เขียนในรัฐเทนเนสซี? บ้านเกิดของผู้เขียนคือเลควูด ซึ่งเป็น "เมืองเล็กๆ ที่อยู่ในเมืองเล็กๆ อีกเมืองหนึ่ง" ที่ชื่อว่าโอลด์ฮิกกอรี่ในรัฐเทนเนสซี ผู้เขียนอธิบายว่าเมืองนี้เล็กมากจนทุกคนรู้จักกัน ทำให้ไม่ค่อยมีการก่ออาชญากรรมร้ายแรง เขาเล่าถึงสภาพแวดล้อมที่ผู้คนรู้จักกันดีและตำรวจดูเหมือนจะคุ้นเคยกับชาวเมือง เมืองนี้ยังเป็น "เมืองบริษัท" ที่มีโรงงานดูปองท์ ซึ่งแต่เดิมผลิตดินปืนและต่อมาผลิตสารเคมี เขายังเน้นย้ำถึงความเรียบง่ายและเป็นบ้านนอกของเมือง โดยยกตัวอย่างเช่น ความพยายามไร้ประโยชน์ในการเล่นเลื่อนบนเนินโคลน4. ...
    Más Menos
    8 m
  • [รีวิว] The Power of Now (Eckhart Tolle) สรุปหนังสือ
    Jun 5 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ The Power of Now เขียนโดย Eckhart Tolle - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/ThePowerofNow - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/ThePowerofNow - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B002361MLA?tag=9natree-20 #ThePowerofNow #รีวิวThePowerofNow #สรุปThePowerofNow #หนังสือThePowerofNow 1. "พลังแห่งปัจจุบัน" คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญ? พลังแห่งปัจจุบัน คือพลังของการดำรงอยู่ของคุณ หรือสภาวะแห่งจิตสำนึกที่ปราศจากรูปแบบความคิด มันเป็นสิ่งสำคัญเพราะมันคือมิติเดียวที่คุณมีชีวิตอยู่จริงและสามารถรับรู้ความเป็นอยู่ ได้อย่างแท้จริง ทั้งอดีตและอนาคตไม่มีอยู่จริงในตัวของมันเอง แต่เป็นเพียงร่องรอยความทรงจำหรือการคาดการณ์ของจิตใจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเท่านั้น การยึดติดกับอดีตหรืออนาคตจะทำให้เกิดความวิตกกังวล ความทุกข์ และความไม่พอใจ ในขณะที่การจดจ่ออยู่กับปัจจุบันจะนำมาซึ่งความสงบสุข ความสุข และการเชื่อมโยงกับความเป็นอยู่ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของคุณ2. จิตใจของเราเป็น "โรค" ได้อย่างไร และเราจะปลดปล่อยตัวเองจากการเป็นทาสของมันได้อย่างไร? จิตใจกลายเป็น "โรค" เมื่อมันใช้งานเราแทนที่เราจะใช้งานมัน การคิดกลายเป็นเรื่องบังคับและต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการคิดซ้ำๆ ไร้ประโยชน์ และบ่อยครั้งก็เป็นไปในทางลบ จิตใจที่ครอบงำนี้ทำให้เกิดความทุกข์ ความวิตกกังวล และสร้างอัตตา ขึ้นมา ซึ่งเป็นตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นจากความคิดและยึดติดกับสิ่งภายนอก ทำให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวและเป็นที่มาของความกลัว เพื่อปลดปล่อยตัวเอง เราต้องเริ่มต้นด้วยการ "เฝ้าดูผู้คิด" นั่นคือการรับฟังเสียงในหัวของเราโดยไม่ตัดสิน การสังเกตนี้จะทำให้เกิดช่องว่างในกระแสความคิด นำไปสู่การตระหนักรู้ถึงการมีอยู่ของเราในฐานะผู้สังเกต ซึ่งอยู่เหนือความคิด เมื่อเราถอนพลังงานจากการยึดติดกับความคิด จิตใจก็จะสูญเสียอำนาจครอบงำ และเราจะเริ่มเข้าถึงสติปัญญาที่อยู่เหนือความคิด เช่น ความงาม ความรัก ความคิดสร้างสรรค์ และความสงบภายใน3. "ความเป็นอยู่" คืออะไร และเหตุใดผู้เขียนจึงหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า "พระเจ้า"? ความเป็นอยู่ คือสถานะธรรมชาติของการรวมเป็นหนึ่งกับความเป็นอยู่ ที่รู้สึกได้ ...
    Más Menos
    9 m
  • [รีวิว] Attached (Amir Levine, Rachel Heller) สรุปหนังสือ
    Jun 4 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Attached เขียนโดย Amir Levine, Rachel Heller - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/Attached - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/Attached - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/1585429139?tag=9natree-20 #Attached #รีวิวAttached #สรุปAttached #หนังสือAttached 1. สไตล์ความผูกพันคืออะไร และมีกี่ประเภท? สไตล์ความผูกพัน คือรูปแบบพฤติกรรมและความคิดที่แต่ละคนแสดงออกในความสัมพันธ์โรแมนติก ซึ่งพัฒนามาจากประสบการณ์การผูกพันกับผู้ดูแลหลักในวัยเด็ก ทฤษฎีนี้เสนอว่าสไตล์ความผูกพันส่งผลอย่างมากต่อความสามารถของเราในการเติบโตในโลกและวิธีที่เรารู้สึกเกี่ยวกับตัวเอง รวมถึงความเชื่อในตัวเองและโอกาสในการบรรลุความหวังและความฝันของเรา มีสไตล์ความผูกพันหลักๆ อยู่ 3 ประเภท: แบบกังวล : คนกลุ่มนี้ปรารถนาความใกล้ชิดสนิทสนมอย่างมากในความสัมพันธ์ แต่ก็มักจะกลัวว่าคู่ของตนจะไม่ต้องการความใกล้ชิดเท่าที่ตนต้องการ ความสัมพันธ์มักจะใช้พลังงานทางอารมณ์ไปมาก พวกเขามักจะไวต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในอารมณ์และการกระทำของคู่ และมักจะตีความพฤติกรรมของคู่เป็นการส่วนตัวมากเกินไป ส่งผลให้เกิดอารมณ์เชิงลบมากมายและมักจะแสดงพฤติกรรมที่เสียใจในภายหลัง อย่างไรก็ตาม หากได้รับความมั่นคงและการรับรองอย่างเพียงพอ พวกเขาสามารถลดความกังวลและรู้สึกพึงพอใจได้ แบบหลีกเลี่ยง : คนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระอย่างมากและมักจะมองว่าการพึ่งพาผู้อื่นหรือ "ความต้องการ" เป็นเรื่องที่ไม่ดี พวกเขามักจะใช้กลยุทธ์ในการสร้างระยะห่างทั้งทางอารมณ์และทางกายภาพ เช่น การส่งสัญญาณที่สับสน การไม่ต้องการเปิดเผยความรู้สึกภายใน หรือการหลีกเลี่ยงการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ พวกเขามักจะ "เอาชนะ" คู่รักได้อย่างรวดเร็วและพร้อมที่จะออกเดทใหม่เกือบจะทันที แบบมั่นคง : คนกลุ่มนี้ต้องการความใกล้ชิดในขณะที่ก็ไม่ไวต่อการถูกปฏิเสธมากเกินไป พวกเขามีทักษะการสื่อสารที่ดีเยี่ยมและรู้วิธีถ่ายทอดข้อความของตนอย่างตรงไปตรงมาแต่ไม่กล่าวโทษ เมื่อเข้าใกล้คนที่มีสไตล์ความผูกพันแบบมั่นคง คุณไม่จำเป็นต้องต่อรองเรื่องความใกล้ชิดอีกต่อไป เพราะมันกลายเป็นเรื่องปกติ ...
    Más Menos
    10 m
  • [รีวิว] How to Talk to Anyone (Leil Lowndes) สรุปหนังสือ
    Jun 4 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ How to Talk to Anyone เขียนโดย Leil Lowndes - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/HowtoTalktoAnyone - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/HowtoTalktoAnyone - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B00BAJ2MYM?tag=9natree-20 #HowtoTalktoAnyone #รีวิวHowtoTalktoAnyone #สรุปHowtoTalktoAnyone #หนังสือHowtoTalktoAnyone 1. การสร้างความประทับใจแรกพบอย่างมีประสิทธิภาพ มีเทคนิคอะไรบ้าง? การสร้างความประทับใจแรกพบมีพลังมหาศาล และคุณมีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการแสดงความเป็น "ใครบางคน" ที่น่าสนใจ แหล่งข้อมูลเน้นย้ำถึงเทคนิคสำคัญหลายประการ: The Flooding Smile: แทนที่จะยิ้มทันทีที่เห็นหน้าใคร ให้มองใบหน้าของอีกฝ่ายเป็นเวลาหนึ่งวินาที หยุดนิ่ง ซึมซับบุคลิกของพวกเขา จากนั้นให้รอยยิ้มที่อบอุ่นและตอบรับปรากฏบนใบหน้าและแผ่ไปถึงดวงตา การหน่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนี้จะทำให้ผู้รับรู้สึกว่ารอยยิ้มของคุณจริงใจและมีให้สำหรับพวกเขาเท่านั้น Sticky Eyes: รักษาการสบตาให้นานขึ้นเล็กน้อยกว่าปกติเมื่อพูดคุยกับผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพศตรงข้ามหรือผู้หญิงที่พูดคุยกับผู้หญิงด้วยกัน สำหรับผู้ชายที่พูดคุยกับผู้ชาย ควรลดระดับความ "Sticky" ลงเล็กน้อยเมื่อพูดคุยเรื่องส่วนตัว เพื่อไม่ให้รู้สึกคุกคามหรือเข้าใจผิด การสบตาที่นานขึ้นเล็กน้อยนี้แสดงให้เห็นถึงความสนใจและความเอาใจใส่ Epoxy Eyes: เทคนิคนี้ใช้ได้ผลดีที่สุดเมื่อมีคนสามคนขึ้นไปเกี่ยวข้อง แทนที่จะมองคนที่กำลังพูด ให้จดจ่อที่ผู้ฟัง เทคนิคนี้จะทำให้เป้าหมายรู้สึกสับสนเล็กน้อยและสงสัยว่า "ทำไมคนนี้ถึงมองฉันแทนที่จะมองคนพูด?" ซึ่งสื่อให้เห็นว่าคุณสนใจปฏิกิริยาของพวกเขาอย่างยิ่ง สามารถใช้เพื่อประเมินผู้ฟังในสถานการณ์ทางธุรกิจ หรือในสถานการณ์โรแมนติก จะสื่อว่า "ฉันละสายตาจากคุณไม่ได้" หรือ "ฉันมีแต่คุณในสายตา" อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการใช้ Epoxy Eyes ในที่สาธารณะกับคนแปลกหน้า เนื่องจากอาจถูกมองว่าก้าวร้าวได้ Hang by Your Teeth: การรักษาสมดุลร่างกายให้ตั้งตรงราวกับว่ามีเชือกดึงศีรษะของคุณขึ้นไปด้านบน โดยให้กระดูกสันหลังตั้งตรง แต่ยังคงผ่อนคลาย สะท้อนความมั่นใจและความสำคัญ การฝึกฝนท่าทางนี้อย่างสม่ำเสมอจะกลายเป็นนิสัยที่ดี The Big-Baby Pivot: เมื่อทักทายใครสักคน ...
    Más Menos
    8 m
  • [รีวิว] Forgiving What You Can't Forget (Lysa TerKeurst) สรุปหนังสือ
    Jun 4 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Forgiving What You Can't Forget เขียนโดย Lysa TerKeurst - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/ForgivingWhatYouCantForget - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/ForgivingWhatYouCantForget - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B085XNMMHV?tag=9natree-20 #ForgivingWhatYouCantForget #รีวิวForgivingWhatYouCantForget #สรุปForgivingWhatYouCantForget #หนังสือForgivingWhatYouCantForget 1. ทำไมการให้อภัยจึงมักรู้สึกเป็นเรื่องยากและท้าทาย? การให้อภัยมักรู้สึกยากเพราะมันเกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง และความรู้สึกไม่ยุติธรรม ผู้เขียนเองก็ยอมรับว่าเธอชอบแนวคิดเรื่องการให้อภัยจนกว่าเธอจะกลายเป็นคนที่เจ็บปวดเสียเอง ในสภาวะที่บาดแผลลึกซึ้ง การให้อภัยอาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ เป็นไปไม่ได้ และเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการเพิ่มความไม่ยุติธรรมจากการถูกกระทำผิด มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะร้องขอความยุติธรรมและต้องการให้ผู้ที่ทำผิดได้รับการแก้ไข แต่การยึดติดกับความรู้สึกเหล่านี้และการรวมกลุ่มกับผู้ที่เห็นด้วยอาจทำให้เราติดอยู่ในความเจ็บปวดนั้น เหมือนกับการยืนกรานอยู่ในลานจอดรถในขณะที่เพื่อนๆ กำลังสนุกสนานบนชายหาด ความรู้สึกที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขเหล่านี้สามารถแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ เช่น การบ่น การเงียบงัน การบงการ และการควบคุม2. การให้อภัยที่แท้จริงหมายถึงอะไร และมันแตกต่างจากการคืนดีอย่างไร? การให้อภัยเป็นการตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้ผู้ที่ทำร้ายเรามาจำกัด ขีดเส้น หรือฉายภาพความเท็จที่พวกเขาเชื่อเกี่ยวกับตัวเองใส่เรา มันเป็นเรื่องระหว่างคุณกับพระเจ้า และไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกลับมาคืนดีหรือการยอมรับผิดจากอีกฝ่าย การคืนดีหรือการกลับมาคบหาใหม่ต้องอาศัยคนสองคนที่เต็มใจทำงานหนักเพื่อกลับมารวมกัน พระเจ้าสามารถไถ่ถอนชีวิตของเราได้ แม้ว่าความสัมพันธ์ที่เสียหายจะไม่กลับมาเหมือนเดิม การให้อภัยจึงไม่ใช่การทำอะไรบางอย่างเพื่อความสัมพันธ์ของมนุษย์เสมอไป แต่เป็นการเชื่อฟังสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาเราให้ทำ3. จะทำอย่างไรเมื่อรู้สึกว่าไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้? แหล่งที่มาบอกว่าแนวคิดเรื่อง "การให้อภัยตัวเอง" ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ เนื่องจากเราไม่สามารถบรรลุความรอดได้หากปราศจากพระเจ้า ...
    Más Menos
    8 m
  • [รีวิว] Becoming Supernatural (Joe Dispenza) สรุปหนังสือ
    Jun 3 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Becoming Supernatural เขียนโดย Joe Dispenza - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BecomingSupernatural - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BecomingSupernatural - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B0746RN3G7?tag=9natree-20 #BecomingSupernatural #รีวิวBecomingSupernatural #สรุปBecomingSupernatural #หนังสือBecomingSupernatural 1. หนังสือ "Becoming Supernatural" กล่าวถึงอะไรบ้าง และอะไรคือเป้าหมายหลัก? หนังสือ "Becoming Supernatural: How Common People Are Doing the Uncommon" ของ Dr. Joe Dispenza มีเป้าหมายหลักคือการตอบคำถามที่ว่า "เราจะทำอย่างไร? เราจะปลุกศักยภาพอันยอดเยี่ยมในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร?" โดยเน้นย้ำว่าทุกคนมีศักยภาพในการเป็น "เหนือธรรมชาติ" ที่ซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งสามารถปลุกและกระตุ้นให้ตื่นขึ้นได้ ผู้เขียนต้องการแสดงให้เห็นว่าเราสามารถสร้างชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับตัวเอง และเราไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตแบบเส้นตรง แต่เป็นสิ่งมีชีวิตหลายมิติที่ใช้ชีวิตแบบหลายมิติ หนังสือเล่มนี้รวบรวมข้อมูลจากสาขาวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่ง เช่น เอพิจีเนติกส์, ชีววิทยาระดับโมเลกุล, นิวโรคาร์ดิโอโลจี และฟิสิกส์ควอนตัม เพื่อเปิดประตูสู่กระบวนทัศน์ใหม่ของการเสริมสร้างศักยภาพในตนเอง2. Dr. Joe Dispenza อธิบายถึงประสบการณ์ "เหนือธรรมชาติ" อย่างไร และมีตัวอย่างที่น่าสนใจอะไรบ้าง? Dr. Joe Dispenza อธิบายถึงประสบการณ์ "เหนือธรรมชาติ" ผ่านการเชื่อมโยงวิทยาศาสตร์เข้ากับประสบการณ์ส่วนตัวและปรัชญา ในหนังสือมีการกล่าวถึงตำนานโยคีชื่อมิลาเรปะ ที่สามารถกดมือลงไปในผนังถ้ำหินได้ราวกับว่าหินนั้นไม่มีอยู่ ซึ่งสะท้อนแนวคิดว่าเราถูกจำกัดในชีวิตด้วยขีดจำกัดของความเชื่อของเราเองเท่านั้น ผู้เขียนยังแบ่งปันประสบการณ์ลึกลับส่วนตัวที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา เช่น การที่เขาสัมผัสได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่ง และการที่ต่อมไพเนียลทำหน้าที่เหมือน "นาฬิกามิติ" ที่ทำให้เขาสามารถเข้าถึงช่วงเวลาและมิติต่างๆ ได้ รวมถึงประสบการณ์การเดินทางย้อนเวลาไปในอดีตชาติที่เขาได้เผชิญหน้ากับผู้ทรมานที่เขารู้จักในชีวิตปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่ามี "ชาติภพที่เป็นไปได้มากมายที่อยู่ในปัจจุบันนิรันดร์"3. "ช่วงเวลาปัจจุบัน" มีความสำคัญอย่างไรต่อการปลดล็อกศักยภาพเหนือธรรมชาติ? ...
    Más Menos
    9 m
  • [รีวิว] The Simple Path to Wealth (JL Collins) สรุปหนังสือ
    Jun 3 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ The Simple Path to Wealth เขียนโดย JL Collins - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/TheSimplePathtoWealth - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/TheSimplePathtoWealth - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B0DT7CM52P?tag=9natree-20 #TheSimplePathtoWealth #รีวิวTheSimplePathtoWealth #สรุปTheSimplePathtoWealth #หนังสือTheSimplePathtoWealth 1. "เส้นทางง่ายๆ สู่ความมั่งคั่ง" คืออะไร และหลักการพื้นฐานในการสร้างความมั่งคั่งมีอะไรบ้าง? "เส้นทางง่ายๆ สู่ความมั่งคั่ง" เป็นแนวทางที่เน้นความเรียบง่ายและประสิทธิภาพในการลงทุน ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ตลอดชีวิต หลักการพื้นฐานสามข้อที่ JL Collins แนะนำคือ: ใช้จ่ายให้น้อยกว่าที่หารายได้: นี่คือรากฐานสำคัญของการสร้างความมั่งคั่ง คุณต้องสร้างส่วนเกินจากการใช้จ่ายเพื่อนำไปลงทุน การควบคุมความต้องการและหลีกเลี่ยง "เงินเฟ้อของไลฟ์สไตล์" เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มีเงินออมมากขึ้น นำส่วนเกินไปลงทุน: เมื่อคุณมีเงินเหลือจากการใช้จ่าย คุณควรนำไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เงินของคุณงอกเงย การลงทุนในตลาดหุ้นได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องมือสร้างความมั่งคั่งที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ หลีกเลี่ยงหนี้สิน: หนี้สิน โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง ถือเป็นภาระที่ไม่อาจยอมรับได้และเป็นอุปสรรคที่อันตรายที่สุดในการสร้างความมั่งคั่ง แม้แต่ "หนี้ดี" เช่น สินเชื่อธุรกิจหรือสินเชื่อจำนอง ควรใช้ด้วยความระมัดระวังสูงสุด และหากเป้าหมายคืออิสรภาพทางการเงิน ควรมีหนี้ให้น้อยที่สุด2. ทำไมผู้เขียนถึงแนะนำให้ลงทุนในกองทุนดัชนีรวมตลาดหุ้น และกองทุนดัชนีรวมตลาดตราสารหนี้ และอะไรคือประโยชน์หลักของกองทุนเหล่านี้? ผู้เขียนแนะนำให้ลงทุนในกองทุนดัชนีรวมตลาดหุ้นและตราสารหนี้ เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่าที่สุดสำหรับนักลงทุนรายย่อยในการสร้างความมั่งคั่ง: กองทุนดัชนีรวมตลาดหุ้น : กองทุนนี้ถือหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาทุกแห่ง ซึ่งรวมถึงบริษัทประมาณ 3,600 แห่ง การลงทุนใน VTSAX เท่ากับการเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวม ประโยชน์หลักคือ "การชำระล้างตัวเอง" ...
    Más Menos
    9 m